PHP การใช้ if, if else และ if else if บทความนี้สอนเขียนโปรแกรมแบบมีเงื่อนไข แบบเลือกทำด้วยคำสั่ง if สำหรับ 1 เงื่อนไข, if else สำหรับ 2 เงื่อนไข และ if else if สำหรับมากกว่า 2 เงื่อนไข สามารถเขียนโปรแกรมได้ดังนี้
ตัวอย่าง PHP การใช้ if, if else และ if else if
1. PHP การใช้ if
<?php
$a = 4;
if( $a == 4 ) {
echo "คำสั่ง if PHP ทำงาน";
}
?>
ผลลัพธ์
คำสั่ง if PHP ทำงาน
จากตัวอย่างสร้างตัวแปร a = 4 จากนั้นเขียน if( $a == 4 ) หมายความว่าถ้าตัวแปร a มีค่าเท่ากับ 4 ให้โปรแกรมเข้าทำงานในคำสั่ง if เหมาะสำหรับการเขียนโปรแกรมแบบมี 1 เงื่อนไข
2. PHP การใช้ if else
<?php
$a = 4;
if( $a == 5 ) {
echo "คำสั่ง if PHP ทำงาน";
} else {
echo "คำสั่ง else PHP ทำงาน";
}
?>
ผลลัพธ์
คำสั่ง else PHP ทำงาน
จากตัวอย่างสร้างตัวแปร a = 4 จากนั้นเขียน if( $a == 5 ) หมายความว่าถ้าตัวแปร a มีค่าเท่ากับ 5 ให้โปรแกรมเข้าทำงานในคำสั่ง if เหมาะสำหรับการเขียนโปรแกรมแบบมี 2 เงื่อนไข
3. PHP การใช้ if else if
<?php
$a = 10;
if( $a == 5 ) {
echo "คำสั่ง if PHP ทำงาน";
} else if( $a == 8 ) {
echo "คำสั่ง if else ที่ 1 ของ PHP ทำงาน";
} else if( $a == 10 ) {
echo "คำสั่ง if else ที่ 2 ของ PHP ทำงาน";
} else {
echo "คำสั่ง else PHP ทำงาน";
}
?>
ผลลัพธ์
คำสั่ง if else ที่ 2 ของ PHP ทำงาน
จากตัวอย่างสร้างตัวแปร a = 10 พร้อมเงื่อน if else if เหมาะสำหรับการเขียนโปรแกรมแบบมีมากกว่า 2 เงื่อนไข มีรายละเอียดดังนี้
1. if( $a == 5 ) คือ ถ้าตัวแปร a เท่ากับ 5 ให้โปรแกรมทำงานในเงื่อนไขนี้
2. else if( $a == 8 ) คือ ถ้าตัวแปร a เท่ากับ 8 ให้โปรแกรมทำงานในเงื่อนไขนี้
3. else if( $a == 10 ) คือ ถ้าตัวแปร a เท่ากับ 10 ให้โปรแกรมทำงานในเงื่อนไขนี้
4. else คือ ไม่เข้าเงื่อนไขใดๆ ของด้านบน ให้โปรแกรมทำงานในเงื่อนไขนี้