พจนานุกรมคือโครงสร้างข้อมูลชนิดหนึ่งใน Python มีการเก็บข้อมูลในลักษณะคีย์และค่าคู่กัน (key-value pairs) บทความนี้แนะนำวิธีการหาค่าในพจนานุกรม (Data Dictionary) ใน Python โดยใช้คำสั่ง index และ items โดย index จะแปลงพจนานุกรมเป็นรายการ (List) ก่อน ส่วน items จะใช้ร่วมกับคำสั่ง for และ if
ตัวอย่าง ข้อมูลพจนานุกรม (Data Dictionary)
my_dict ={"KEY": VALUE, "KEY": VALUE, ...}
ข้อมูลพจนานุกรมใน Python จะเก็บข้อมูลคู่กันระหว่าง คีย์ (Key) และค่าข้อมูล (Value) ซึ่งใน 1 ตัวแปรพจนานุกรม สามารถมีคู่ข้อมูลกี่อันก็ได้ ตามการใช้งาน
ตัวอย่าง การใช้คำสั่ง index เพื่อหาค่าในพจนานุกรมใน Python
dict_colors ={"Red":'r', "Green":'g', "Blue":'b'}
find = 'b'
index = list(dict_colors.values()).index(find)
print('index: '+str(index))
index: 2
จากตัวอย่างมีตัวแปรพจนานุกรมชื่อ dict_colors จากนั้นใช้คำสั่ง list แปลงค่าพจนานุกรมเป็นค่ารายการ (List) และใช้คำสั่ง index เพื่อค้นหาค่า ‘b’ ได้ผลลัพธ์เท่ากับลำดับที่ 2 เพราะ ‘b’ อยู่ในลำดับที่ 2 ของตัวแปรพจนานุกรม เวลานับให้นับเริ่มต้นจาก 0
ตัวอย่าง การใช้คำสั่ง items เพื่อหาค่าในพจนานุกรมใน Python
dict_colors ={"Red":'r', "Green":'g', "Blue":'b'}
find = 'r'
for index, value in dict_colors.items():
if value == find:
print(str(value)+ ' is key: '+str(index))
r is key: Red
จากตัวอย่างค้นหา ‘r’ ในพจนานุกรม dict_colors โดยใช้ for ร่วมกับคำสั่ง items โดยใช้คำสั่ง if เปรียบเทียบหากพบค่า ‘r’ ให้แสดงผลลัพธ์ด้วยคำสั่ง print ประกอบด้วย key และ value