ปัจจุบันการติดตั้ง SSL Certificate เป็นสิ่งที่จำเป็น และสำคัญสำหรับเว็บไซต์ เพราะจะทำให้เว็บไซต์ของเรามีความปลอดภัยในการสื่อสารข้อมูล อีกทั้งยังช่วยเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้เข้าใช้งานเว็บไซต์อีกด้วย เพราะทุกวันนี้หากไม่ติดตั้ง SSL จะมีผลทำให้โปรแกรมเล่นอินเทอร์เน็ตแสดงข้อความประมาณว่า การเชื่อมต่อกับเว็บไซต์นี้ไม่ปลอดภัย ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อเว็บไซต์ของเรา และผู้เข้าใช้งาน
SSL แบ่งได้เป็น 3 ประเภท คือ
Domain Validation (DV) คือ SSL สำหรับเว็บไซต์ทั่วไป, บล็อกส่วนตัว มีการยืนยันตัวตนผ่านโดเมน ง่าย และเร็วที่สุด ไม่ต้องใช้เอกสารในการยืนยัน ปกติเว็บไซต์ทั่วไปใช้ SSL แบบนี้
Organization Validation (OV) คือ SSL สำหรับบริษัท หรือองค์กร การยืนยันตัวตนต้องใช้เอกสารเกี่ยวกับบริษัท
Extended Validation (EV) คือ SSL สำหรับบริษัท หรือองค์กรขนาดใหญ่ ที่ต้องการความน่าชื่อถือ ความปลอดภัย และการรับประกัน ในระดับสูง การยืนยันตัวตนต้องใช้เอกสารเกี่ยวกับบริษัท
การติดตั้ง SSL มีทั้งแบบฟรี และเสียเงิน ซึ่งมีความแตกต่างกันในรายละเอียดค่อนข้างมาก สามารถสรุปเบื้องต้นได้ตามตารางด้านล่างนี้
เปรียบเทียบด้าน | SSL แบบฟรี | SSL แบบเสียเงิน |
ค่าใช้จ่าย | ฟรี | เสียเงิน ราคาขึ้นอยู่กับ SSL ที่เลือก |
แสดงข้อความปลอดภัย | แสดง | แสดง |
ครอบคลุม | DV | DV, OV และ EV |
ระยะเวลาการใช้งาน | ต้องต่อทุก 30 - 90 วัน | ขั้นต่ำ 1 ปี |
ความน่าเชื่อถือ | ปกติ | สูง |
การรับประกัน | ไม่มี | มีรับประกันตาม SSL ที่เลือก |
สนับสนุน และช่วยเหลือ | ไม่มี | มี ตามเงื่อนไขบริษัทที่จำหน่าย SSL |
Wildcard | ไม่รองรับ | รองรับ |
เหมาะสำหรับ | เว็บไซต์ขนาดเล็ก, บล็อกส่วนตัว | เว็บไซต์ทุกขนาด |
ตัวอย่างผู้ให้บริการ | Let's Encrypt | Comodo SSL, DigiCert |
ควรใช้ SSL ฟรี หรือ SSL เสียเงิน
กรณีถ้าเป็นเว็บไซต์ขนาดเล็ก หรือบล็อกส่วนตัวการใช้ SSL ฟรี แบบ DV ถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการเริ่มต้น แต่ถ้าหากคุณต้องการความน่าเชื่อถือ การรับประกัน และด้านอื่นๆ ของ SSL ที่สูงขึ้นการพิจารณาใช้ SSL แบบเสียเงินก็ถือเป็นทางเลือกที่เหมาะสมเช่นเดียวกัน แต่ถ้าเว็บไซต์ของคุณต้องใช้ SSL แบบ OV, EV หรือแบบรองรับ Wildcard ก็ต้องเลือกใช้ SSL แบบเสียเงินเพียงท่านั้น
ตัวอย่างเว็บไซต์แบบ HTTPS (ติดตั้ง SSL)